วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

โรงแรม เดอะ ทับแขก กระบี่

จากจันทร์ครึ่งดวงกับเรือพยุหยาตราผสมกันออกมาแล้วเป็นหลังคาโค้งต้นแบบไม่เหมือนใคร ในพื้นที่เก็บรักษาต้นไม้ไว้ให้มากที่สุด เพื่อความรู้สึกอิงแอบแนบชิดธรรมชาติ ใครอยากมาหลับ พักผ่อน เตียงนอนที่นี่ทำให้ไม่อยากลุกไปไหน
สระว่ายน้ำรูปทรงเหมือนดอกไม้ สปามีอ่างน้ำเย็นสุดขั้วกับอ่างน้ำร้อนเคียงข้างใครจะเชื่อว่า ทั้งรีสอร์ทมีแต่กลอนสลักไม่มีลูกบิดเลยสักอัน

เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทิค รีสอร์ท
(The Tubkaak Boutique Resort)
 

123 หมู่ 3 หนองทะเล, หาดทับแขก, กระบี่, ประเทศไทย 81180












วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

"น้ำตกงวงช้าง" จ.บึงกาฬ


อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำพระภูวัว อ.เซกา น้ำตกแห่งใหม่มีความสูง 20 เมตร
ช่วงปลายฝนต้นหนาว จะมีลิ้นมังกรสีส้มขึ้นอยู่เต็มพื้นที่ เติมเต็มความงดงาม ให้กับฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำเขียวขจี










"สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง" จ.เชียงใหม่


เป็นศูนย์วิจัยพืชเขตหนาวของโครงการหลวง มีกิจกรรมท่องเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ปั่นจักรยาน ขี่ฬ่อชมธรรมชาติ ดูนก และมีบ้านพักและลานกางเต็นท์ให้บริการนักท่องเที่ยว

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Thai map



โปรโมชั่น Season Sale @Pattaya แพ็คเกจท่องเที่ยวลดสูงสุด 80% (กค.-สค.58)

ฉันจะไป… ฉันจะไป… พัทยา ทำไมถึงอยากไปพัทยาในช่วงเวลานี้นะเหรอ?? ตอบให้สาวกนักเที่ยวชาวWelovepro ได้ชื่นใจก็แล้วกัน ว่าเตรียมตัวไปเที่ยวนะซิ แต่ทำไมต้องไปที่พัทยาด้วยล่ะ ก็แหม!! ที่จะไปถึงที่นั่นก็เพราะ งาน Season Sale @Pattaya เค้าจัดขึ้นกันที่นั่นไงละจ๊ะ  งานนี้บอกไว้เลยนะว่าเตรียมตัวไปเที่ยวกันให้พร้อมได้เลย เพราะในงาน Season Sale @Pattaya นี่จัดขึ้นที่ ชั้น G ศูนย์การค้ารอยัล การ์เด้น พลาซ่า พัทยา ตั้งอยู่บนถนนเลียบชาดหาด อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี นั่นเองจ้า (สำหรับคนที่ไปไม่ถูกก็คงจะไปกันถูกแล้วนะ)  เค้ามีโปรโมชั่นพิเศษเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สำหรับใครที่กำลังมองหาแพคเก็จเที่ยว โรงแรม ห้องพัก สถานที่ท่องเที่ยวราคาถูกๆๆ  งานนี้จัดเต็มกันเลยค่ะ ที่งาน Season Sale @Pattaya  
โปรโมชั่น Season Sale @Pattaya   Package Sale up to 70 -80%  
งานเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม-2 สิงหาคม 2558 นี้  

ดูรายละเอียดที่นี่

ซื้อ Samsung Galaxy S6 บินฟรี!! ไปไหนก็ได้ กับสายการบิน Nok Air (กค.-สค.58)

“เรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไง จุดที่เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนแจ่มๆสักเครื่อง แล้วสามารถบินไปไหนก็ได้” คงสงสัยกันใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?  ถ้าไม่ใช่โปรโมชั่นดีๆ ของสมาร์ทโฟนฟังก์ชั่นหรูแบรนด์กิมจิจากค่าย Samsung ที่จับมือกับสายการบิน Nok Air พาคุณบินไปไหนก็ได้ภายในประเทศ ง่ายมากๆแค่เพียงเพื่อนๆ ซื้อสมาร์ทโฟนรุ่น  Samsung Galaxy S6 หรือ  Samsung Galaxy S6 edge  ก็มีสิทธิ์บินฟรี!! ภายในประเทศที่ใดก็ได้กับสายการบิน Nok Air เลือกได้เลยว่าจะบินไปไหน สุดยอดจริงๆ!!

ถ้าอยากจะบิน ก็ต้องเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy S6 ก่อนนะ โดยสามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก เพราะตอนนี้มีโปรโมชั่นที่ให้คุณสามารถเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy S6 ได้ง่ายๆ กับโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน(บัตรเครดิตที่ร่วมรายการ) ได้รับเงินคืนสูงสุด 1,700 บาท ง่ายๆแค่นี้ก็สามารถเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy S6 ได้แล้ว

ดูรายละเอียดต่อที่นี่

น้ำตกผาน้ำหยด


เป็นน้ำตกที่ผู้คน และนักท่องเที่ยวไม่รู้จักมากนักแต่เป็นน้ำตกที่สวยงามในเขาอ่างแก้ว เขตอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เดินทางเข้าที่ สามแยกโป่งแย้ ถนนสายยางชุม-หนองพลับ การเดินทางไม่สะดวกนัก         เนื่องจากยังไม่มีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่น้ำตกมีเสน่ห์ที่น่าสัมผัส "ผาน้ำหยด"เป็นลักษณะของน้ำตกที่สูงชัน มีน้ำมากในฤดูฝน

น้ำตกมีลักษณะคล้ายร่ม ดูแปลกตา เนื่องจากมีการก่อตัวสะสมของ หินปูนที่มากับน้ำ เกาะตัวบนหญ้าไผ่ บนหน้าผาถูกน้ำตกไหลทับลงมาจนเกิดเป็นลักษณะคล้ายฉัตร โดยเบื้องล่างของน้ำตกนั้น จะมีสระน้ำใสสีมรกตให้นักท่องเที่ยวได้ว่ายเล่นสำหรับผู้ี่เดินทางไป น้ำตกแห่งนี้ ต้องเตรียมนำอาหารและน้ำไปเองเพราะไม่มีร้านค้า-ห้องน้ำไว้บริการ

แล้อุปั๊ดตะก่า เข้าพรรษา ค้นหาธรรม ตากมีมากกว่าที่คิด

เข้าพรรษาแปลว่าพักฝน หมายถึง การที่พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งในช่วงระหว่างฤดูฝนตลอด 3 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำเดือน 8 ซึ่งในปีนี้ได้ตรงกับวันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2557...

แล้อุปั๊ดตะก่า เป็นประเพณีแห่รับข้าวพระพุทธของคนเชื้อสายไทยใหญ่ในแม่สอด คำว่าแล้อุปั๊ดตะก่าเป็นภาษาไทยใหญ่ หมายถึง คณะอุบาสกแห่รับข้าวพระพุทธจากผู้มีจิตศรัทธาถวายพระพุทธเจ้า ซึ่งจะจัดขึ้นในหนึ่งวันก่อนวันเข้าพรรษาของทุกปี
ประเพณีนี้เป็นประเพณีของคนท้องถิ่นคนไทยใหญ่ (คนไต) กล่าวคือ คนไทยใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างเดียวและยึดเหนี่ยวจิตใจ ในทุกบ้านทุกหลังคาเรือนจะมีหิ้งพระพุทธรูปไว้ในบ้าน บูชาด้วยดอกไม้สด ธูป เทียน เป็นเครื่องสักการะ และในทุกๆ เช้าจะถวายข้าวพระพุทธ
ก่อนอื่นเป็นประจำ โดยถือเป็นกิจวัตรและจะสอนให้ลูกหลานได้ถือประพฤติปฏิบัติตามและสืบทอดจนมาถึงทุกวันนี้และในปีนี้พิธีแล้อุปั๊ดตะก่าจะจัดขึ้น
ณ วัดแม่ซอดน่าด่าน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2558 เวลา 11.00 . เป็นต้นไป และจะจัดพิธีนี้ในทุกวันโกน (วันก่อนวันพระ 1 วัน)
ตลอด 3 เดือน


พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาแต่ช้านาน ถือเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ โดยผู้เข้าร่วมในขบวนจะต้องเป็นชายที่นุ่งขาวเท่านั้น ห้ามมิให้หญิงเข้าร่วมแต่ก็สามารถเดินร่วมชมตามหลังขบวนได้ การแห่จะเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีสีสันจากขบวนตุงที่หลากหลายสี เป็นทิวแถวสวยงาม มีศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์อันเก่าแก่ของคนไทยใหญ่ คือการรำโตหรือชาวบ้านเรียกว่ารำกินกะร่าหรือเรียกว่าการรำสิงโตนั่นเอง ลักษณะจะคล้ายกับการเชิดสิงโตของชาวจีนใช้แสดงเฉพาะในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นทั้งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาวเมือง โดยบรรพบุรุษของชาวไทยใหญ่ถือว่าโตเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งในป่าหิมพานต์ที่มีรูปร่างคล้ายกับจามรี แต่จะมีขนที่ยาวกว่าและมีเขาคล้ายกวาง ถือเป็นสัตว์นำโชคและจะนำมาซึ่งความรุ่งเรือง โดยจะรำคู่กับการรำกินรีที่จะมีให้เห็นได้เฉพาะตามถิ่นแถวนี้เท่านั้น

นางสาวธมลวรรณ เรืองขจร ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานตาก ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าด้วยศรัทธาและความเชื่อก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมและประเพณีที่สืบสานจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ประเพณีถวายข้าวพระพุทธแล้อุปั๊ดตะก่ากลายเป็นเอกลักษณ์อันงดงามของชาวไทยใหญ่แห่งเมืองแม่สอดที่เดียวในประเทศไทย นอกจากนี้ เมื่อท่านมาเยือนวัดแม่ซอดน่าด่าน ท่านยังได้พบกับสถาปัตยกรรมของชาวไทยใหญ่ ที่หาดูได้ยากในปัจจุบันอีกด้วย และนอกจากจะได้รับความสุขจากการค้นหาธรรมในช่วงเข้าพรรษา เมืองตากยังมีธรรมชาติที่งดงาม ตลอดจนวิถีชีวิตของท้องถิ่นที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิม รวมถึงอาหารพื้นเมืองที่น่าลิ้มลองตามวิถีไทยแท้ที่อยากให้ทุกท่านมาสัมผัสด้วยตนเอง....

สำหรับการเดินทาง  จากกรุงเทพ ฯ ตามถนนทางหลวงหมายเลข  1  เข้าสู่จังหวัดตากจากนั้นแยกซ้ายใช้ถนนทางหลวงหมายเลข  12  มุ่งหน้าสู่อำเภอแม่สอด ผ่านวงเวียนแม่สอดเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนประสาทวิถี ตรงไปจนถึงโรงเรียนสรรพวิทยาคม วัดแม่ซอดน่าด่านอยู่เลยโรงเรียนไปประมาณ 100 เมตรอยู่ด้านซ้ายมือ


ติดต่อสอบถามข้อมูลและเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงได้ที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก
  เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 –16.30 . โทร.0-5551-4341-3 tattak@tat.or.th 

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เกาะสิปาดัน สวรรค์กลางทะเลที่อยู่ใกล้ไทยนิดเดียว



          ลองไปเที่ยว "สิปาดัน" เกาะที่มีทะเลใส ปะการังมากมาย หลากหลายสัตว์ใต้ทะเล ซึ่งสิปาดันไม่ไกลจากประเทศไทย แถมไปได้ง่าย ๆ จ่ายเงินไม่เยอะอีกด้วย

          ใครที่ใฝ่ฝันถึงทะเลสวยใส มีโลกใต้น้ำที่เต็มไปด้วยปะการังและสัตว์ทะเลนานาชนิด รวมถึงอยู่ไม่ไกลจากเมืองไทยมากนัก...ตอนนี้ฝันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว เพราะมีเกาะแห่งหนึ่งใจกลางทะเลเซเลเบส ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย มีภูมิประเทศที่สวยงามคล้ายคลึงกับเกาะมัลดีฟส์ เกาะสวรรค์แห่งนี้มีชื่อว่า "เกาะสิปาดัน" (Sipadan Island)




          สิปาดันอยู่ที่ไหน ? นี่คือคำถามยอดฮิตเมื่อเอ่ยถึงเกาะสิปาดัน เพราะหลาย ๆ คนอยากรู้ว่าเกาะสวรรค์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ใด สำหรับเกาะสิปาดันห่างจากกรุงเทพมหานครเพียงแค่ประมาณ 4-5 ชั่วโมง เราก็จะได้สัมผัสกับท้องทะเลที่งดงามดั่งดินแดนในฝัน เกาะสิปาดันเป็นเกาะในมหาสมุทรที่โผล่ขึ้นมาจากก้นทะเลประมาณ 600 เมตร ห่างจากทางตอนใต้ของเมือง Semporna รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ประมาณ 35 กิโลเมตร ซึ่งในอดีตนั้นเกาะแห่งนี้เป็นพื้นที่พิพาทระหว่างประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย และในปลายปี ค.ศ. 2000 ศาลได้ตัดสินให้เกาะแห่งนี้เป็นของประเทศมาเลเซีย 



เที่ยวใกล้ ๆ ทะเลเรืองแสง @ หาดบางแสน


 ภาพจาก เฟซบุ๊ก TeeShutterB 
    
        ท้องทะเลนอกจากจะมีความสวยงามในช่วงกลางวันแล้ว ในช่วงเวลากลางคืนก็มีความสวยงามที่หาชมได้ยากเช่นกัน นั่นก็คือปรากฏการณ์แพลงก์ตอนเรืองแสง ซึ่งเราอาจจะเคยได้เห็นข่าวว่าเกิดขึ้นในต่างประเทศซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น หาดเจอร์วิส เบย์ ทางตอนใต้ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียรอบชายฝั่งฮ่องกง และท้องทะเลที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลกอย่างมัลดีฟส์



        อ๊ะ ๆ แต่ขอตะโกนดัง ๆ ว่าวันนี้เราไม่ต้องเดินทางไปเที่ยวไกลถึงต่างประเทศแล้ว ทะเลไทยของเราก็มีปรากฏการณ์สวย ๆ แบบนี้เช่นกัน กับที่นี่เลย "บางแสน" จังหวัดชลบุรี ใกล้ ๆ แค่นี่เอง ซึ่ง คุณ TeeShutterB ได้เดินทางไปเก็บภาพสวยของแพลงก์ตอนเรืองแสง ณ ทะเลบางแสน พร้อมบอกเทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับการถ่ายมาฝากกันด้วย ... ลองไปดูกันค่ะ



        * ป.ล. สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า !!!
        เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (11 กรกฎาคม 2558) ผมได้ไปเก็บภาพที่ทะเลบางแสน (บริเวณสะพานปลา) เป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายแพลงตอนเรืองแสงหลังจากหามานาน

        ปรากฏการณ์แพลงตอนเรืองแสงที่หาดบางแสน เป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ หรือจะเรียกได้ว่ายังไม่มีหลักฐานว่าเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

        
        สาเหตุเกิดจากสิ่งมีชีวิตที่มีแสงในตัว คล้ายหิ่งห้อยแต่ต่างสี (คาดว่าน่าจะสามารถเก็บแสงได้ในระยะเวลาจำกัด) จะเห็นแสงได้ก็เฉพาะตอนที่กระทบกันกับของแข็งหรือตอนน้ำกระแทกกันเป็นยอดคลื่นเท่านั้น โดยสถานที่นั่น ๆ ต้องมืดพอสมควร

 ภาพจาก เฟซบุ๊ก TeeShutterB


 ภาพจาก เฟซบุ๊ก TeeShutterB
        * * * * * วิธีการถ่ายภาพ * * * * *

        ให้เลือกบริเวณที่น้ำทะเลกระทบกัน ในภาพผมเลือกสะพานปลา แพลงตอนเรืองแสงให้ใช้ Speed Shutter ช้า 4-8 วินาที F กว้าง iso ได้ประมาณ 1600 (แล้วแต่สภาพแสงและจำนวนแพลงตอน) ลองถ่ายดูแล้ว ค่อย ๆ ชดเชยแสง เอาให้องค์ประกอบภาพแสงพอดี เพราะแต่ละภาพแพลงตอนออกมาไม่เท่ากัน

 ภาพจาก เฟซบุ๊ก TeeShutterB

 ภาพจาก เฟซบุ๊ก TeeShutterB

 ภาพจาก เฟซบุ๊ก TeeShutterB
 ภาพจาก เฟซบุ๊ก TeeShutterB

 สำหรับเพื่อน ๆ ที่รักการเดินทางและชื่นชอบการถ่ายภาพสวย ๆ สามารถติดตามผลงานของ คุณ TeeShutterB พร้อมกด Like ได้ที่ เฟซบุ๊ก TeeShutterB นะคะ ^^


หมายเหตุ:
ปรากฏการณ์แพลงตอนเรืองแสงที่หาดบางแสน เป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ หรือจะเรียกได้ว่ายังไม่มีหลักฐานว่าเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้"
ไม่มีกล้องดีๆ ถ่ายไม่ติดแสงแบบนี้เท่านั้นเอง 

มันไม่ใช่ปรากฎการณ์ที่เกิดได้บ่อย แต่ถ้ามีแพลงตอนบูมเมื่อไหร่ หลังจากนั้นไม่นานก็พอแพลงตอนตาย ก็จะปล่อยฟอสฟอรัสออกมา เกิดปรากฎการณ์นี้ได้ แค่ต้องไปให้ถูกวันเท่านั้นเอง เพราะมันจะมีแค่ 1-2 วันเองค่ะ


10 ที่เที่ยวทะเลหน้าฝน เสพความสงบที่ใคร ๆ ก็แสวงหา



          ถ้าจะไปเที่ยวทะเลใคร ๆ ก็คงอยากไปเที่ยวทะเลในหน้าร้อน ที่ท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลใสแจ๋ว แสงแดดส่องสว่างทำให้ซัมเมอร์นี้ฟินซะเหลือเกิน อ๊ะ ๆ หยุดความคิดนี้สักนิดค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วเราสามารถไปเที่ยวทะเลหน้าฝนได้เหมือนกันนะ ถึงแม้จะต้องเจอกับสายฝนโปรยปราย ความชื้นแฉะ หรือท้องฟ้าที่อึมครึม แต่อย่าลืมว่า “ฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ” ที่สำคัญยังเงียบสงบน่าหลงใหลอีกด้วยดังนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวม 10 สถานที่เที่ยวทะเลหน้าฝนตามเกาะต่าง ๆ จากทั่วไทยมาฝากกันค่ะ ลองไปสัมผัสวิถีชีวิตผู้คนบนเกาะที่มีเสน่ห์น่าสนใจไม่แพ้ทะเลกันดูค่ะ โดยเริ่มที่...


          1. เกาะลิบง จังหวัดตรัง


          เกาะลิบง เกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลตรัง บนเกาะมีชาวบ้านอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แบ่งเป็นหลายหมู่บ้าน โดยที่ชาวบ้านยังดำเนินวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ทำอาชีพประมง สวนยางพารา และส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม อย่างไรก็ตามอีกสิ่งที่เป็นไฮไลท์ของเกาะลิบงก็คือ "พะยูน" สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่กำลังจะสูญพันธุ์แต่จะพบได้มากที่เกาะลิบง เพราะบริเวณรอบ ๆ เกาะจะเต็มไปด้วยหญ้าทะเลซึ่งเป็นอาหารของพะยูนนั่นเอง ดังนั้นเกาะลิบงจึงได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง

          สำหรับสถานที่น่าเที่ยว เช่น แหลมจุโหย ซึ่งเป็นหาดทราย เวลาน้ำลดสามารถเดินทางไปถึงหาดตูบ ที่มีนกทะเลและนกชายเลนจำนวนมากที่อพยพหนีหนาวมาอาศัยที่นี่เพียงแห่งเดียว โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม เช่น นกกินเปี้ยว นกกวัก นกยางเขียว นกนางนวลแกลบเคราขาว นกหัวโตขาดำ เป็นต้น
          การเดินทาง : มีเรือโดยสารจากท่าเรือเจ้าไหม ถึงท่าเรือบ้านพร้าวบนเกาะลิบง หรือเช่าเรือเหมาลำ ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที บนเกาะมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว (เป็นของเอกชน)  สอบถามข้อมูลติดต่อ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง โทรศัพท์ 075-251932


          2. เกาะปันหยี จังหวัดพังงา


          เกาะปันหยี ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา คำว่า "ปันหยี" แปลว่า "ธง" มาจากภาษาอินโดนีเซีย ในอดีตมีครอบครัวชาวชวาหรือชาวอินโดนีเซีย 3 ครอบครัว หนึ่งในนั้นมี "โต๊ะนาบู" เป็นผู้นำการอพยพออกมาหาที่ทำกินใหม่ ตกลงกันว่าหากใครพบที่ทำกินที่อุดมสมบูรณ์ ให้ปักธงไว้

          พื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะปันหยีตั้งอยู่ในทะเลอ่าวพังงาและบริเวณป่าชายเลนอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีหมู่บ้านจำนวน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 1 บ้านท่าด่าน ตั้งอยู่บริเวณน้ำตื้นในอ่าวพังงา, หมู่ที่ 2 เกาะปันหยี ตั้งอยู่บริเวณน้ำตื้นในอ่าวพังงา, หมู่ที่ 3 เกาะไม้ไผ่ ตั้งอยู่บนเกาะและป่าชายเลนอ่าวพังงา และหมู่ที่ 4 เกาะหมากน้อย ตั้งอยู่บนเกาะในอ่าวพังงา ซึ่งหมู่บ้านจะปลูกสร้างอยู่กลางทะเลโดยไม่มีพื้นดินเลย อีกทั้งบนเกาะยังมีชุมชนชาวประมงโบราณที่อาศัยพื้นที่ราบหลังเกาะปันหยีเป็นที่หลบฝนและตั้งหมู่บ้านเล็ก ๆ ขึ้นมา โดยแต่ละบ้านจะยกพื้นสูงเหนือน้ำ และด้วยชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมจึงได้อุทิศที่ราบเล็ก ๆ ของเกาะปันหยีให้เป็นมัสยิด ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน นอกจากนี้หากมาเยือนเกาะแห่งนี้จะได้ชมวิถีชีวิตพื้นบ้านแบบชาวเลแท้ ๆ ที่มีศาสนาอิสลามหลอมรวมจิตใจผู้คน นอกจากนี้บนเกาะที่มีพื้นที่ราบเพียง 1 ไร่ ยังมีสนามฟุตบอลที่เล่นได้จริงอยู่ด้วย ซึ่งก็มาจากความร่วมแรงร่วมใจของชาวเกาะนั่นเอง ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  Kohpanyee.go.th


          3. เกาะพยาม จังหวัดระนอง


          ถ้าจะไปเที่ยวเกาะเงียบสงบจะไม่ไป "เกาะพยาม" ได้อย่างไร...จริงไหม เพราะเกาะพยามเป็นเกาะใหญ่หนึ่งในสองเกาะของทะเลระนอง ซึ่งบนเกาะมีชุมชนดั้งเดิมที่ทุกวันนี้ยังคงมีอาชีพประมงพื้นบ้าน จับสัตว์น้ำในละแวกใกล้เคียงเกาะ โดยสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะพยาม เช่น ใกล้ ๆ กับสะพานท่าเรือขึ้นไปทางเหนือเป็นที่ตั้งของ "วัดเกาะพยาม" ที่มีโบสถ์กลางทะเล บนหลังคาประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางลีลาหันหน้าออกสู่ทะเล มีสะพานปูนทอดยาวสู่ตัวโบสถ์ นับเป็นวัดที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น และเป็นจุดสังเกตเห็นแต่ไกลยามนั่งเรือมาสู่เกาะ เหนือจากวัดขึ้นไปไม่ไกลจะเป็น "อ่าวหินขาว" ที่มีก้อนหินสีขาวก้อนใหญ่ตั้งเด่นอยู่ริมทะเล และเป็นที่ตั้งของ "ศาลพ่อตาหินขาว" สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านที่นี่ให้ความเคารพนับถือกันอย่างมาก โดยมีตำนานเรื่องเล่าว่าพ่อตาหินขาวได้มาเข้าฝันบรรพบุรุษของพวกเขา พร้อมชี้บอกทิศทางให้มาตั้งรกรากที่นี่      
          เมื่อขึ้นเหนือไปจนสุดเกาะจะเป็น "อ่าวไม้ไผ่" จากนั้นหากข้ามฝั่งไปโซนตะวันตกจะเป็น "อ่าวกวางปีบ" อ่าวที่มีความร่มรื่น สงบเป็นส่วนตัว มีหาดทรายสวยงาม หากลงไปทางใต้ของท่าเรือจะเป็น"แหลมหิน" แล้วต่อด้วย "อ่าวมุก" ที่มีบรรยากาศสงบเป็นส่วนตัว โดยห่างจากฝั่งอ่าวมุกไปไม่ไกลจะเป็นที่ตั้งของ "เกาะขาม" ที่เมื่อยามน้ำลดจะเกิดสันทรายเชื่อม 2 เกาะ เข้าด้วยกัน ซึ่งชาวบ้านมักจะเรียกเกาะขามว่า "เกาะปลาวาฬ" ตามรูปร่างลักษณะของมัน

          บนเกาะพยามมี "อ่าวใหญ่" ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ไฮไลท์ ซึ่งเป็นอ่าวที่มีขนาดและพื้นที่ใหญ่สมชื่อ มีลักษณะเป็นเวิ้งโค้งอ่าวยาวราว 4 กิโลเมตร ยามน้ำลดจะมองเห็นหาดทรายอันกว้าง ใหญ่ ยาว ค่อย ๆ ลาดเทลงสู่ทะเล มีทรายที่ละเอียดแน่น เดินสบายเท้าหาดทรายที่อ่าวใหญ่เป็นทราย 2 สี ผสมกัน คือสีเหลืองกับสีเทา ยามน้ำลงจะมองเห็นเป็นริ้ว ๆ ตามคลื่นซัดสาด และ "อ่าวเขาควาย" ที่มีลักษณะเป็นอ่าวโค้งยาวประมาณ 2 กิโลเมตร มุมทั้ง 2 โค้งโง้งเข้ามาคล้ายเขาควาย ซึ่งยังเป็นอ่าวที่มีความสงบ แม้จะมีที่พักขึ้นอยู่มากพอตัว แต่ก็ไม่ถึงกับพลุกพล่าน ยามน้ำลงจะเห็นหาดทรายเป็นแนวทอดยาวกว้างไกล และบริเวณอ่าวเขาควายในช่วงปลาย ๆ ยังมี "เขาทะลุ" เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของอ่าว (ใกล้ ๆ กับเกาะพยามยังมีเกาะทะลุ ที่ปลายเกาะด้านหนึ่งเป็นโพรงช่องหินมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านบน)


          4. เกาะจิก จังหวัดจันทบุรี

ภาพจาก ททท.

          เกาะจิก ตั้งอยู่ที่ตำบลบางชัน เป็นเกาะซึ่งมีการนำร่องโครงการใช้พลังงานทดแทนแบบผสมผสาน โดยมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และเครื่องปั่นไฟสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าไฟฟ้าให้แก่บ้านเรือนบนเกาะ ที่มีอยู่ประมาณ 100 หลังคาเรือน โดยใช้การเก็บค่าไฟแบบเติมเงิน ประชากรส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง เลี้ยงปลา กุ้งแห้งการเดินทาง

          เสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจของเกาะจิกก็คือการไปเที่ยวแบบโฮมสเตย์ กินอาหารทะเลสด ๆ ในราคาที่ย่อมเยา และชาวบ้านรู้จักกันเดินวันเดียวก็ทั่วแล้ว เหมาะสำหรับไปพักผ่อนสบาย ๆ สไตล์คนริมเล โดยแต่เดิมนั้นเกาะจิกเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่อยู่กันมากว่าร้อยปีเป็นชุมชนที่สงบ พวกผู้ชายออกไปหาปลากันหมดเหลือแต่ผู้หญิงกับเด็ก ๆ ที่อาศัยบนเกาะ เกาะจิกยังเป็นเกาะที่น่าชื่นชม โดยเกาะจิกนี้มีคณะกรรมการของเกาะดูแลบริหารจัดการด้านพลังงานไฟฟ้าและสิ่งแวดล้อมอย่างดี อีกทั้งมีการจัดการขยะอย่างเป็นระบบที่สามารถเป็นตัวอย่างให้แก่เกาะอื่น ๆ ใกล้เคียงได้ นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์นั้นไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่ง่าย ๆ กลางวันที่เงียบสงบในเปลวแดด นอกจากนี้หากเดินไปยังอีกด้านของเกา คือด้านตะวันออก โดยเดินผ่านวัด ผ่านโรงเรียน ผ่านถังน้ำประปาไปพอเหงื่อซึม ก็จะพบกับชายหาดด้านตะวันออกที่เงียบสงบถึงจะไม่สวยนักแต่ก็พอจะเล่นน้ำทะเลได้เช่นกัน

          การเดินทางไปเกาะจิก : ใช้ถนนสุขุมวิทจนถึงสามแยกไปท่าเรือเกาะช้างเฟอร์รี่ ให้เลี้ยวขวาไปทางเดียวกับท่าเรือเกาะช้างเฟอร์รี่ จากนั้นเลี้ยวขวาไปทางอ่างกระป่อง โดยสามารถจอดรถได้ที่ท่าเรือ จากนั้นลงเรือข้ามไปเกาะจิก


          5. เกาะพิทักษ์ จังหวัดชุมพร


          เกาะพิทักษ์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 14 ตำบลบางน้ำจืด เป็นเกาะขนาดเล็ก ๆ ห่างจากที่ว่าการอำเภอหลังสวนประมาณ 25 กิโลเมตร มีเรือหางยาวของชาวบ้านบริการจากท่าเรืออ่าวครกไปยังเกาะพิทักษ์ ซึ่งในอดีตชาวบ้านเรียกว่า "เกาะผีทัก" โดยมีเรื่องเล่าว่ามีเรือประมงลอยเรือหาปลามายังเกาะพิทักษ์ และมองเห็นมีชาวบ้านบนเกาะกวักมือเรียก แต่พอเข้าไปยังเกาะกลับไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่บนเกาะเลยแม้แต่คนเดียว

          ปัจจุบันบริเวณเกาะมีโขดหินสวยงาม น้ำทะเลใสสามารถเล่นน้ำได้ และมีหมู่บ้านชาวประมงกระจายอยู่รอบเกาะ ทางทิศตะวันออกมีหาดทรายขนาดเล็ก ๆ ด้านหลังเกาะมีจุดชมวิวสูงประมาณ 200 เมตร หากวันที่น้ำทะเลลดระดับสามารถเดินเท้าจากท่าเรืออ่าวครกข้ามมายังเกาะได้ ทั้งนี้ชาวบ้านบนเกาะพิทักษ์ได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Kohpitakthai.com   


          6. เกาะสิเหร่ จังหวัดภูเก็ต

ภาพจาก ททท.

          เป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต มีคลองท่าจีนคั่นระหว่างเกาะทั้งสอง โดยมีสะพานเชื่อมติดต่อกันโดยสะดวก ถ้าหากชื่นชอบในการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติไปพร้อมกับศึกษาการดำเนินวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นนั้น ๆ แล้ว เกาะสิเหร่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย
          บริเวณแหลมตุ๊กแกเป็นที่ตั้งของ หมู่บ้านชาวเล หรือชาวน้ำ หรือชาวไทยใหม่ ที่มาตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย แต่โดยส่วนใหญ่อยู่ตามเกาะในมหาสมุทรอินเดียซึ่งชาวเลนั้นประกอบอาชีพประมงหาปลาเป็นหลัก และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของที่นี่ก็คือเสาไฟส่องสว่างบ้านสิเหร่ โดยปกติแล้วเรามักจะเห็นเสาไฟธรรมดาทั่วไป แต่ที่เกาะสิเหร่เสาไฟทุกต้นจะมีกิ่งไม้มาผูกติดไว้กับเสาไฟฟ้าซึ่งอาจไม่เคยพบมาก่อน นอกจากนี้บนเกาะยังมีธรรมชาติและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่อยู่ควบคู่ไปกับวิถีชีวิตที่ดำรงอยู่แบบมีเอกลักษณ์ของชาวบ้าน อีกทั้งยังมีวัดสิเหร่ที่เป็นวัดที่อยู่บนยอดเขาของเกาะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไกลสุดลูกหูลูกตา และที่ยอดเขาก็มีวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่มาก ทั้งนี้บนเกาะนี้มีโรงแรมตั้งอยู่บนแหลมไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักบนเกาะแห่งนี้ด้วย


          7. เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี 


          เกาะสีชัง อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งเกาะที่น่าท่องเที่ยวในบรรยากาศแบบท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้ โดยชุมชนเกาะสีชังอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ เป็นที่ตั้งของท่าเรือเทววงศ์ (ท่าล่าง) และเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถสามล้อเครื่องหรือสกายแล็ปไปยังจุดอื่น ๆ บนเกาะสีชังจุดท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง เช่น ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ, มณฑปรอยพระพุทธบาท อยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขาเดียวกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ บนยอดเขาเป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบ

          ช่องเขาขาด ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ในบริเวณมีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์ สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม มีหาดหินกลม ซึ่งเต็มไปด้วยหินกลม ๆ ขนาดต่าง ๆ มากมาย ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5 และหาดถ้ำเขาพัง ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเกาะ เป็นชายหาดกว้าง สะอาดและสวยงาม มีทรายละเอียด  น้ำใสสะอาดเหมาะแก่การเล่นน้ำ

          การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเกาะสีชัง ขึ้นรถจากสถานีขนส่งเอกมัยไปศรีราชา โดยลงรถที่หน้าห้างโรบินสันศรีราชา แล้วต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือสามล้อเครื่องมายังท่าเรือ โดยมีเรือโดยสารจากศรีราชาไปเกาะสีชังทุกวัน ใช้ระยะเวลาประมาณ 45 นาที


          8. เกาะสาหร่าย จังหวัดสตูล

ภาพจาก ททท.

          หมู่เกาะสาหร่าย อยู่ห่างจากท่าเรือเจ๊ะบิลัง อำเภอเมืองสตูล เพียง 12 กิโลเมตร จะมีเรือโดยสารไปที่เกาะตลอดวัน ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที บนเกาะมี หมู่บ้านบากันใหญ่ ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นไทยมุสลิมทำอาชีพประมง เป็นเกาะที่อุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ใกล้ ๆ ยังมีอีก 2 เกาะ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า เกาะยะระโตดและเกาะยะระโตดนุ้ย มีชายหาดอยู่โดยรอบเกาะ บนเกาะมีหมู่บ้านชาวประมง ทำอาชีพสวนมะพร้าวและสวนยางพารา

          สิ่งมหัศจรรย์ตั้งอยู่ใกล้กัน คือจากเกาะสาหร่ายใหญ่เพียง  5 นาที จะเห็นเกาะแบน ๆ กลม ๆ ความกว้างประมาณแค่ 1 กิโลเมตร เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยซากเปลือกหอยกาบแบน ๆ กองทับถมกันมานานหลายร้อยล้านปี เปลือกหอยหลายหมื่นล้านชิ้นถูกคลื่นซัดพัดมากองสะสมกันเป็นเกาะใหญ่ให้เราขึ้นไปเดินบนเกาะได้ ชาวบ้านเลยเรียกกันว่าสุสานเปลือกหอยกาบ บนเกาะสาหร่ายนี้จะไม่เห็นแม้แต่เม็ดทรายสักเม็ด  แต่ที่สำคัญมีกฎของการอนุรักษ์ธรรมชาติไว้ว่า "ห้ามนักท่องเที่ยวทุกท่านเก็บซากเปลือกหอยกลับไป"
          อ๊ะ ๆ นอกจากกิจกรรมท่องเที่ยวยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติมากมาย เช่น ชุมชนบ้านบากันใหญ่จะเปิดให้บริการเที่ยวแบบเช้า-เย็นกลับ หรือจะพักที่โฮมสเตย์สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านก็ได้ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแท้จริง ออกเรือจับหาปู ปลา หอย เรียนรู้ค้นหาวิธีถนอมอาหารแบบพื้นบ้านด้วยการทำปลาเค็ม หอยตากแห้ง หรือถ้าอยากทานอาหารทะเลสด ๆ รับรองไม่ผิดหวังแน่  อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแหล่งหญ้าทะเลที่มากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยหญ้าทะเลเป็นอาหารของพะยูน ทำให้ชาวประมงจะเห็นพะยูนแหวกว่ายออกมาหาอาหารกันบ่อย ๆ


          9. เกาะลันตา จังหวัดกระบี่


          เกาะลันตา เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีผู้คนอาศัยต่อเนื่องมายาวนานกว่าร้อยปี ประกอบด้วยเกาะลันตาใหญ่และเกาะลันตาน้อย แหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่บนเกาะลันตาใหญ่ ขณะที่เกาะลันตาน้อยเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเกาะลันตา ด้วยระยะทางที่ห่างไกลจากแผ่นดินเกาะลันตาจึงยังคงความสวยงามของหาดทรายและน้ำทะเลสะอาด อีกทั้งยังมีวิถีชีวิตของชาวเกาะดั้งเดิม ที่มีทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยจีน ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยใหม่ (ชาวเล) อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ผสานกับความเจริญทางด้านหัวเกาะแถบท่าเรือและชายหาดฝั่งตะวันตก

          เกาะลันตาใหญ่และเกาะลันตาน้อยมีเกาะกลางคั่นอยู่ระหว่าง 2 เกาะนี้ ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดอยู่บนเกาะลันตาใหญ่ โดดเด่นด้วยชายหาดยาวเรียงรายต่อเนื่องกันถึง 13 หาด ทางฝั่งตะวันตก มีทั้งหาดหินและหาดทราย เพียบพร้อมด้วยที่พักหลากสไตล์ หลายราคา ส่วนทางฝั่งตะวันออกคือชุมชนโบราณ ชื่อบ้านศรีรายา ซึ่งตั้งมากว่าร้อยปี มีเสน่ห์ด้วยเรือนแถวไม้หน้าแคบที่ยื่นยาวลึกออกไปในทะเล และวิถีชีวิตสงบงามของชาวไทย-จีน ชาวไทย-มุสลิม ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข นอกจากนี้บนเกาะลันตาใหญ่ยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งตั้งอยู่ที่แหลมโตนดตรงปลายเกาะ เป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์ด้วยผืนป่าดงดิบ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ และที่โดดเด่นที่สุดคือประภาคารสีขาวซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเกาะลันตา
          ทิปส์ท่องเที่ยว : แนะนำให้ซื้อทริปไปเที่ยวเกาะรอกหรือไปดำสน็อกเกิลที่ 4 เกาะเด่นของตรัง คือ เกาะไหง เกาะเชือก เกาะกระดาน และเกาะมุก ปกติแล้วเป็นทริปแบบไปเช้า-เย็นกลับ แต่ถ้าไปเกาะรอกควรค้างสักคืน โดยนัดเรือให้มารับกลับในวันรุ่งขึ้น ติดต่อได้ที่บริษัททัวร์ในละแวกศาลาด่าน หรือคนที่ชอบดำน้ำอย่าพลาดการไปดำสกูบาที่หินม่วง หินแดง เกาะรอก เกาะห้าใหญ่ ติดต่อซื้อทริปได้ที่ร้านดำน้ำในย่านศาลาด่าน


          10. เกาะช้าง จังหวัดตราด

          ปิดท้ายกันที่ เกาะช้าง เกาะที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ อีกแห่งหนึ่งของประเทศ เพราะมีธรรมชาติอันงดงามทั้งบนบกและในทะเล มีหาดทรายขาวละเอียดที่สะอาดบริสุทธิ์ อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งที่พักหลากหลายรูปแบบจำนวนมาก มีกิจกรรมหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกทำ มีการคมนาคมที่สะดวก

          ซึ่งนอกจากทะเลสวย ๆ ไม่ว่าจะเป็น "หาดคลองพร้าว-แหลมไชยเชษฐ์" เป็นหาดทรายที่มีความยาวต่อเนื่องไปจนถึงหาดไก่แบ้ หาดทรายบริเวณนี้มีความลาดมาก สามารถเล่นน้ำได้, "หาดไก่แบ้" เป็นหาดทรายที่มีความลาดพอสมควร สามารถเล่นน้ำได้โดยไม่เป็นอันตราย หรือ "อ่าวใบลาน" ที่มีลักษณะเป็นหาดทรายยาวเงียบสงบ เหมาะแก่การเล่นน้ำและพักผ่อน ฯลฯ แล้ว เกาะช้างยังมีวิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะแบบดั้งเดิมให้ได้สัมผัส เช่น ที่ "หมู่บ้านประมงบางเบ้า" บ้านแต่ละหลังปักเสาลงในทะเล มีสะพานเชื่อมต่อถึงกัน บรรพบุรุษของคนที่นี่ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายจากชาวสลักเพชร ดำรงชีวิตเรียบง่ายด้วยการทำประมงขนาดเล็กชายฝั่ง

          "บ้านโรงถ่าน" เป็นชุมชนเล็ก ๆ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวสลักเพชร อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ นักท่องเที่ยวนิยมไปชมทิวทัศน์กันที่นี่ เมื่อมองไปทางเหนือจะเห็นยอดเขาสลักเพชรมีเมฆหมอกปกคลุม ทางตะวันออกจะเห็นเกาะมะพร้าวในและทิวเขาบริเวณแหลมใหญ่ และ "บ้านสลักเพชร" เป็นชุมชนใหญ่และเก่าแก่ที่สุดบนเกาะช้าง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ ชาวบ้านประกอบอาชีพทำการประมงชายฝั่ง มีหมู่เกาะและทิวเขาโอบล้อมช่วยกำบังคลื่นลมได้ดี หน้าหมู่บ้านมีวัดเก่าแก่คือ "วัดสลักเพชร" สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสเกาะช้าง และอ่าวสลักเพชรเป็นอ่าวใหญ่ที่สุดบนเกาะ ฯลฯ

          บางครั้งการได้ออกไปนั่งซึมซับบรรยากาศริมทะเล ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์บ้าง ก็เป็นการเติมพลังให้กับตัวเองได้เหมือนกันนะ ... ไม่เชื่อลองไปเที่ยวทะเลหน้าฝนดูสิ !!!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก