“Le Palais” จักรวรรดิขแมร์เหนือเกาะพะงัน
CR: https://steemit.com/thai/@bbkastro/le-palais
เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว เรามีโอกาสได้มีเวลาพัก 2 วัน หลังจากต้องทำงานลากยาวมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ วันนั้นตรงกับวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งเป็นวันเกิดของเพื่อนสาวชาวกรีกคนหนึ่ง เธอบอกว่าอยากให้ของขวัญกับตัวเองด้วยการไปพักที่โรงแรมใหม่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่แถวๆหาดริ้น ซึ่งโรงแรมนั้นมีชื่อว่า “Le Palais” เธอนัดหมายเราก่อนหน้านั้นล่วงหน้าเกือบสองอาทิตย์ เราตอบตกลงไปด้วยความตื่นเต้นและเต็มใจ ด้วยหมายหมั้นปั้นมือว่าวันหนึ่งจะต้องเข้าไปชมภายในโรงแรมนี้ให้ได้
https://www.youtube.com/watch?v=RqKr8E6d0tk
Vedio from Sphere Agency
จำได้ว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้วตอนที่เราย้ายมาอยู่ที่เกาะพะงันใหม่ๆ ครั้งแรกที่มีโอกาสได้เห็นโรงแรมนี้จากภายนอกตอนนั่งรถผ่านไปยังหาดริ้น เรารู้สึกสะดุดตากับโรงแรมนี้มาก เพราะมันดูยิ่งใหญ่อลังการเสียจนไม่แน่ใจว่าเป็นอาคารประเภทไหนกันแน่...ระหว่างโรงแรม...โบราณสถาน...หรือพิพิธภัณฑ์
ช่วงนั้นโครงการอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แค่เห็นจากภายนอกก็พอจะจินตนาการได้แล้วว่าจะต้องใช้งบประมาณมากมายมหาศาลขนาดไหน รายละเอียดสถาปัตยกรรม ลวดลายปูนปั้น และปฎิมากรรมตกแต่ง เช่น นางอัปสร ครุฑ นาค ฯลฯ ล้วนถอดแบบมาจากสถาปัตยกรรมขอมโบราณ ตามแบบอย่างนครวัด นครธม และปราสาทบายน ยังไงอย่างงั้น เพียงแต่สเกลอาจจะเล็กกว่าของจริง
ณ วินาทีนั้น ด้วยเลือดของนักเรียนเก่าสถาปัตย์แนวอนุรักษ์นิยมที่ยังคงเข้มข้นอยู่ ทำให้เราเกิดตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า “...ใครกันนะ ที่มาอุตริมาออกแบบและสร้างอาคารใหญ่โตมโหฬาลขนาดนี้ริมชายหาด?ไม่ผิดกฎหมายกันเลยหรืออย่างไร? แล้วแถมรูปแบบสถาปัตยกรรมก็อยู่ผิดที่ผิดทางอีกต่างหาก... ไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับรากเหง้าวัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่เลย... ปราสาทขอมอะไรจะมาอยู่บนเกาะ? มันคนละเรื่องคนละราวกันนะเนี่ย ! “
แต่พอหลังจากที่มีโอกาสเข้าไปชมภายใน ความรู้สึกที่ว่านั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เห็นถึงความตั้งอกตั้งใจของนักออกแบบและช่างก่อสร้าง เข้าใจว่าทีมงานมีการ Research ข้อมูลมาอย่างดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะสัดส่วนสถาปัตยกรรม องค์ประกอบของลวดลายปูนปั้น และรูปแบบประติมากรรมต่างๆ ต้องถือว่าเป๊ะ คงไม่ได้นั่งเทียนเขียนแบบเอาแน่นอน !
ชื่อ “Le Palais” เป็นภาษาฝรั่งเศส หรือ “The Palace” ในภาษาอังกฤษ แปลว่า “พระราชวัง” ก็ตาม Concept เขาล่ะค่ะ เข้าไปนอนแล้วรู้สึกเหมือนนอนอยู่ในวัง...เป็นราชินีขอม... อะไรประมาณนั้นเลยล่ะค่ะ... คาดว่าเจ้าของโรงแรมน่าจะมีหุ้นส่วนเป็นชาวฝรั่งเศสด้วย... ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ยุคล่าอาณานิคม... อย่างที่เรารู้กันว่าฝรั่งเศสได้เคยเข้ามามีอิทธิพลอยู่เหนือดินแดนกัมพูชาและบางส่วนของประเทศไทยด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากชาวฝรั่งเศสจะมีความผูกพันกับประวัติศาสตร์ของอาณาจักรขแมร์อยู่ไม่น้อย
แล้วอะไรเล่าที่เป็นแรงบันดาลใจให้เจ้าของโครงการหรือสถาปนิกยกเอาปราสาทขอมทั้งหลังมาไว้บนเกาะแห่งนี้ นอกเหนือไปจากเหตุผลเพื่อการดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่ง ณ จุดนี้ เราคิดว่าผู้ออกแบบน่าจะทำการศึกข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาพอสมควร ทำให้ได้ข้อมูลที่มีน้ำหนักมากพอมาใช้สนับสนุนแนวความคิดของเขา... โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Khmerkromngo.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรขอมโบราณและเราสันนิษฐานว่า ข้อมูลตรงนี้ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่เขาหยิบยกมาสนับสนุนแนวความคิดของเขา โดยข้อมูลทางประวัติศาสตร์นั้นกล่าวไว้ว่า...
“In this map, the Khmer Empire composed of modern day Kingdom of Cambodia, most of southern Vietnam (Kampuchea Krom or Mekong Delta), Laos, and Kingdom of Thailand.
“จักรวรรดิขแมร์ ประกอบไปด้วย กัมพูชาปัจจุบัน, ภาคใต้ส่วนใหญ่ของเวียดนาม (กัมปูเจียกรอม หรือ สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง), ลาว, และไทย
The empire’s frontiers extend to the North China, to the South Malaysia, to the West Myanma (or Burma), and to the East Kingdom of Champa, South Vietnam (Kampuchea Krom or the Mekong Delta) and South China Seas.
จักรวรรดิมีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับจีน, ทิศใต้ติดกับมาเลเซีย, ทิศตะวันตกติดกับพม่า, และทิศตะวันออกติดกับอาณาจักรจามปา, ติดกับภาคใต้ของเวียดนาม (กัมปูเจียกรอม หรือ สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง) แลทะเลจีนใต้
Vietnam was not called Vietnam. It was called Dai Viet.
Champa is a buffer between the Khmer Empire and Dai Viet
There was no Laos. There was no Thailand.
The Khmer Empire was the Greek Empire of Southeast Asia.”
เวียดนามยังไม่ได้ถูกเรียกว่าเวียดนาม แต่เรียกว่า ได่เวียด
จามปา คือ อาณาจักรกันชนระหว่างจักรวรรดิขแมร์และได่เวียด
ยังไม่มีประเทศลาว หรือประเทศไทย จักรวรรดิขแมร์ คือ จักรวรรดิกรีกแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “
ตามความคิดเห็นของเราแล้ว โรงแรมนี้น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบของแปลกและชอบการถ่ายภาพ และบรรยากาศออกจะคล้ายๆกับเมืองโบราณที่สมุทรปราการหรือพัทยาเสียมากกว่าการที่จะเป็นโรงแรม แต่ก็ต้องถือว่าทั้งคนออกแบบและคนสร้างมีความประณีตและใส่ใจในรายละเอียดมากพอสมควร... หากเพื่อนๆสนใจอยากจะเข้าไปชมข้างในก็สามารถเข้าไปชมได้ค่ะ แต่จะต้องจ่ายค่าบัตรเข้าชมคนละ 200 บาท ในกรณีที่ไม่ได้เป็นแขกของโรงแรม แต่ก็ถือว่าคุ้มที่จะเสียตังค์เข้าไปชมล่ะค่ะ...
“Good night and sweet dream”
สิ่งเหล่านี้จะเป็นกำลังใจให้เราสามารถสร้างโพสต์ที่ดีออกมาได้อย่างต่อเนื่อง
Thankful for all followers, upvotes and comments,
you give me energy to create more good posts.
@bbkastro
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น